อยากเป็น Good Brand มากกว่า Big Brand
ผู้นำนวัตกรรมดีไซน์ “คอนโดฯ หน้ากว้าง” เป็นรายแรก จนปัจจุบันห้องชุดสไตล์นี้ได้รับความนิยมทั่วไป และสามารถพบเห็นได้ในหลายโครงการนอกจากนี้ “เดอะ พาร์คแลนด์ ศรีนครินทร์” คอนเซ็ปต์รีสอร์ท ก็ได้รับการกล่าวถึงทั้งจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการด้วยกันเองว่าเป็น “เรียลรีสอร์ทคอนโดฯ” ขนาดพื้นที่ใช้สอยในห้องชุดและสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ เทียบกับราคาขายแบบนี้ถือว่าหาได้ไม่ง่ายนัก
เจนต์ชัย ลิ้มวัฒนะกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บอกว่าเนื่องจากโครงการนี้ได้ที่ดินมาในราคาไม่สูงมาก จึงสามารถทำสินค้าในแพ็คเกจราคาที่ถูกใจผู้ซื้อได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่มากกว่าราคาที่ดินก็คือนโยบายของบริษัท “ห้องหน้ากว้างมีการใช้เสาที่หนากว่าใช้ปูนเยอะกว่า ด้วยเทคนิคการก่อสร้างเหล่านี้ทำให้ต้นทุนจะสูงกว่าห้องหน้าแคบ ดังนั้นโครงการที่เน้นเรื่องราคาจะไม่สามารถทำห้องหน้ากว้างได้ หลายคนอาจจะคิดได้ และถ้าจะก็อปปี้ก็ไม่ยาก แต่ที่สำคัญต้องกล้า เพราะถ้าที่ดินถูกแต่ไม่กล้าให้ก็ไม่ได้เหมือนกัน
“จริงๆ ไม่ไช่แค่เรื่องห้องหน้ากว้าง 7.5 เมตรเท่านั้น เรื่องหน้ากว้างเป็นเรื่องของตัวยูนิตการหมุนไปหมุนมา ทำได้เรื่อยๆ การปรับปรุงในรายละเอียดอื่น ๆ ก็ยังมีตลอด การทำคอนโดฯ ห้องขนาดเล็ก แต่ Parking 100% ก็เป็นนวัตกรรมหนึ่ง เราพยายามจัด Combination ดีๆ เช่น Facility, Parking Ratio ฯลฯ แต่ราคาห้องไม่แพงมาก
“และจริงๆ มันไม่ไช่แค่ 7.5 เมตร ถ้าใครสังเกตคำอธิบาย เราพยายามจะบอกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ความหมายในที่นี้คือองค์ประกอบพื้นฐานในการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้อธิบายให้เข้าใจได้ยาก แต่คนที่มา Visit ก็จะเห็น และถ้าคนที่ดูโครงการเยอะๆ หลายๆ ที่ จะรู้สึกถึงความแตกต่าง และจะรู้ว่ามันคืออะไร
“เรียลรีสอร์ทคอนโดฯ จริงๆ Parking 100% และไม่ไช่ราคา 5-6 ล้าน แต่เป็นรีสอร์ทคอนโดฯ สำหรับคนที่มีเงินแค่ล้านกว่าบาท ถือว่าไม่ไช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
“อย่างไรก็ตามหลายๆ โครงการเราก็ทำได้ไม่มากเพราะมีข้อจำกัด โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในเมือง พยายามแล้วแต่เท่านี้ก็เท่านั้น เช่น เดอะพาร์คแลนด์ งามวงศ์วาน แค่ 5.2 เมตร เพราะที่ดินมีไม่มากพอ แต่เป็นแบบที่ลงตัว ภายใต้เงื่อนไขราคาที่เหมาะสม ในราคาเปิดตัว 1.4 ล้านบาท ขนาดห้อง 30 ตารางเมตร
"ในความคิดของเรา องค์ประกอบการอยู่อาศัยที่ดีอย่างหนึ่งคือ Space ถ้าเล็กไปก็ไม่ได้ไม่ใช่การอยู่อาศัยที่ดี แต่การที่หลายโครงการที่อยู่ติดรถไฟฟ้าห้องเล็กแต่ราคาแพง ก็ต้องดูพฤติกรรมคนซื้อ ถ้าความเป็นซิตี้แรงขึ้น มีแรงกดดันเรื่องการเดินทาง-จราจร แล้วจะหันไปทางนี้ไหม "เมื่อตลาด Dynamic โปรดักส์ก็ต้อง Dynamic ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนได้ แต่อย่าหลุดพื้นฐาน แล้วเวลาแก้ไขจะแก้ยาก อะไรที่ไม่ผิดพื้นฐาน ไม่น่าจะผิดทางและเชื่อว่าเราก็น่าจะเดินมาถูกทาง"
ที่ผ่านมานารายณ์พร็อพเพอร์ตี้มีการลงทุนทั้งในแนวสูงและแนวราบ แม้ไม่ใช้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็มีวิธีการระดมทุนของตัวเอง ทั้งการลงทุนเดี่ยวโดยตัวบริษัทเองและบริษัทร่วมทุน เติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่องไม่หวือหวา ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายบริษัทที่ตั้งเป้าหมายเป็น Good Brand มากกว่าจะเป็น Big Brand
"เราคงไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ ค่อยๆเติบโตแบบเน้นความมั่นคงต่อเนื่อง ตั้งเป้า 3-4 ปีข้างหน้ายอดขายปีละ 4,000-5,000 ล้านจากปัจจุบันอยู่ที่ 2,500 ล้านบาทต่อปี โดยสัดส่วนระหว่างแนวสูงและแนวราบอยู่ที่ 60 : 40
"ที่เราพยายามทำคือจะเป็นแบรนด์ที่ดีมากกว่าแบรนด์ที่ใหญ่ ฉะนั้นก็แมตซ์กับหลายเรื่อง เช่น การเงิน เราก็มีวิธีระดมทุนด้วยแบบของเราโดยไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะถ้าเป็น List Company มันต้องเป็น Big Brand นอกจากนี้ Combination ต่างๆ ก็ต้องอินไลน์ไปด้วยกันทั้งโปรดักส์ คอนเซปต์ ราคา ฯลฯ
"สำหรับธุรกิจคอนโดฯ ถ้าเป็นคอนโดฯ ในทำเลแนวรถไฟฟ้าได้ก็จะดี เพราะเท่ากับเราสามารถเปิดดีมานด์ได้มากกว่า แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าเราจะทำเฉพาะคอนโดฯ ในแนวรถไฟฟ้าเท่านั้น ทำเลริมถนนใหญ่ ในชุมชนก็โอเค เพียงแต่คอนโดฯ ลักษณะนี้จะเป็นโปรดักซ์เฉพาะโซนนั้นๆ จึงต้องระวัง ต้องไม่ทำเยอะเกินดีมานด์
"แม้แต่คอนโดฯ BOI ถ้าเจอที่ (ดิน) เราก็ทำได้ ความจริงก็คิดอยู่ แต่ถ้าทำก็ต้องทำให้ดี ถ้าจะทำเล็กๆ แล้วขายหมดพรึ่บเดียวเหมือนโปรดักซ์ตามท้องตลาดคงทำได้แล้วหลายโครงการ ทั้งการทำบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์หรือคอนโดฯ ก็คล้ายกัน คือพยายามทำโปดักส์ที่ดีในเซ็กเมนต์นั้นๆ คิดถึงปัจจัยพื้นฐานที่ดีในการอยู่อาศัย"
ความสำเร็จจากหลายโครงการ Feed Black ที่ถือว่าดีมากจากจำนวนลูกค้า Walk-in มีมากกว่าจำนวนยูนิตขาย การตอบรับไม่เพียงแต่จากผู้ซื้อหรือลูกค้า แต่ยังรวมไปถึงผู้ประกอบการหรือคู่แข่ง ยืนยันถึงเส้นทางธุรกิจคอนโดฯของนารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ว่า "เดินมาถูกทางแล้ว"